SNNP กางแผนปี 65 ผนึกพันธมิตรในอินโดฯตั้ง บ.ย่อยลุยเปิด รง.แห่งใหม่ปั้น New S Curve หนุนผลงานโตติดปีกผลงานปี 64 กำไรโตสนั่น 3 เท่าตัว-เคาะจ่ายปันผลอีก 0.14 บาท/หุ้น  

SNNP กางแผนปี 65 ผนึกพันธมิตรในอินโดฯตั้ง บ.ย่อยลุยเปิด รง.แห่งใหม่ปั้น New S Curve หนุนผลงานโตติดปีกผลงานปี 64 กำไรโตสนั่น 3 เท่าตัว-เคาะจ่ายปันผลอีก 0.14 บาท/หุ้น  

บมจ.ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง (SNNP) เปิดแผนปี 65 เดินหน้าจับมือพันธมิตรในอินโดฯ ตั้งบริษัทย่อยลุยธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม ลุยเปิดโรงงานแห่งใหม่ในอินโดฯ ปั้น New S Curve หนุนธุรกิจในช่วง1-2 ปีข้างหน้าเติบโตกระโดด บิ๊กบอส “วิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล” มั่นใจผลงานปีนี้ทุบสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง คาดยอดขายทะลุ 5 พันล้านบาท รองรับดีมานด์ผู้บริโภคทั้งในประเทศ-ต่างประเทศฟื้นตัว โชว์ปี64 กำไรทะลัก 437.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 366.0% จากปีก่อน บอร์ดเคาะจ่ายปันผลอีก 0.14 บาท/หุ้น ขึ้นXD วันที่ 28 เม.ย.นี้

นายวิวรรธน์ ไกรพิสิทธิ์กุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศรีนานาพร มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) (SNNP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2565 คาดว่าจะสามารถสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องจากปี 2564 ที่ผ่านมา เนื่องจากผลการดำเนินงานของบริษัทลูกเริ่มออกดอกผล การจับจ่ายในประเทศเริ่มฟื้นตัว หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เริ่มคลี่คลายในทิศทางที่ดีขึ้น ขณะที่ยอดขายในประเทศเวียดนามเติบโตอย่างโดดเด่น กลายเป็นตลาดส่งออกหลัก โดยบริษัทฯ ตั้งงบลงทุนไว้ที่ประมาณ 100 ล้านบาท โดยมีแผนที่จะลงทุนในการเข้าซื้อหรือจัดตั้งธุรกิจที่เกี่ยวกับธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อต่อยอดธุรกิจ

พร้อมกันนี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติอนุมัติจัดตั้งบริษัทย่อย เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายสินค้าภายใต้แบรนด์ของบริษัทในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะจดทะเบียนได้ภายในเดือนกันยายน 2565 ทุนจดทะเบียนไม่เกิน 2,000,000 ดอลลาร์ โดยบริษัท เอสเอ็นเอ็นพี อินเตอร์เนชั่นแนลจำกัด  (บริษัทย่อยของบริษัท 99.99%) จะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 85% ผู้ร่วมทุนถือหุ้นจำนวน 15% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างเจรจากับผู้ร่วมทุน เพื่อประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเครื่องดื่ม

“อินโดนีเซียเป็นตลาดของผู้บริโภคมุสลิมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีประชากรกว่า 270 ล้านคน ซึ่งมากกว่าประชากรของประเทศไทย และกลุ่มประเทศ CLMV รวมกัน แผนการร่วมลงทุนกับพันธมิตรในอินโดนีเซียในครั้งนี้ จะช่วยเพิ่มความคล่องตัวในการขยายตลาดของสินค้าของเรา ซึ่งในปัจจุบันมีสินค้ากลุ่มเยลลี่เข้าไปทำตลาดอยู่แล้วและได้รับการตอบรับอย่างดี บริษัทฯเตรียมจัดตั้งโรงงานแห่งใหม่ในอินโดนีเซียเพื่อผลิตสินค้าเพื่อขายในประเทศอินโดนีเซีย คาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้อย่างเร็วภายในไตรมาส 4/65 หรือไม่เกินไตรมาส 1/66 สร้าง New S Curve ให้กับธุรกิจ ผลักดันรายได้และกำไรเติบโตอย่างต่อเนื่อง”

นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีแผนจัดตั้งบริษัทร่วมทุนในไทย ซึ่งเป็นการร่วมลงทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อพัฒนาสินค้าที่มีนวัตกรรมที่ดีต่อสุขภาพ ซึ่งเป็นสินค้ามีกระแสการเติบโตที่ดี และมีอัตรากำไรที่สูง โดยคาดว่าน่าจะมีสินค้าป้อนตลาดได้ในช่วงปลายปี 2565 เช่นกัน

สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 4/64 ฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ได้รับอานิสงส์จากการบริโภคภายในประเทศที่เริ่มฟื้นตัว รวมไปถึงตลาดส่งออกในเวียดนามเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้ผลการดำเนินงานตลอดทั้งปี 2564 มีรายได้จากการขาย 4,277.1 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 437.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 366.0% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 93.8 ล้านบาท สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์

ทั้งนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา มีมติอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตราหุ้นละ 0.14 บาท กำหนดขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 28 เมษายน 2565 และจ่ายเงินวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 ทั้งนี้ บริษัทฯ จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วหุ้นละ 0.10 บาท รวมทั้งปีเท่ากับ 0.24 บาท/หุ้น สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564

ข่าวเกี่ยวข้อง